วัดกู่เต้า หรือ วัดเวฬุวนาราม เชียงใหม่

เดิมชื่อ วัดเวฬุวนาราม ตั้งอยู่ในตำบลศรีภูมิ ติดกับสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ มีเจดีย์ที่มีลักษณะแปลกไปกว่าเจดีย์อื่นๆ ในเมืองไทย

วัดกู่เต้าเดิมชื่อ วัดเวฬุวนาราม ตั้งอยู่ในตำบลศรีภูมิ ติดกับสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ มีเจดีย์ที่มีลักษณะแปลกไปกว่าเจดีย์อื่นๆ ในเมืองไทย แต่มีตำนานเล่าว่า เจดีย์กู่เต้านี้เป็นที่บรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าสารวดี ซึ่งเป็นราชโอรสของพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งมาครองเมืองเชียงใหม่ในระหว่างปี พ.ศ.2122-2150 ลักษณะของเจดีย์องค์นี้คล้ายกับนำผลแตงโมมาวางซ้อนกันไว้หลายๆ ลูก ชาวบ้านจึงเรียกว่า "เจดีย์กู่เต้า"

วัดกู่เต้า มีบริเวณไม่กว้างขวางมากนัก แต่ทว่าร่มรื่น ด้วยต้นไม้และดูสงบเงียบ เจดีย์กู่เต้ามีรูปทรงที่ คล้ายแตงโมหรือบาตรคว่ำซ้อนทับกันขึ้นไปถึง ๕ ชั้น องค์เจดีย์แต่ละชั้นจะมีซุ้มจระนำประดิษฐาน พระพุทธรูปปางต่างๆ ทั้ง ๔ ด้าน มีการประดับด้วยกระจกสีเป็นรูปดอกไม้เล็กๆดูงดงามและ ปราณีต ส่วนของยอดเจดีย์นั้นมีฉัตรคล้ายอย่าง เจดีย์พม่า

งานประเพณีบวชลูกแก้ว (ปอยส่างลอง) ภาคฤดูร้อน ของวัดกู่เต้า จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๓ - ๒๕ เดือนมีนาคม ของทุกปี

การบวชลูกแก้ว - ปอยส่างลอง หรือ ประเพณีบรรพชาสามเณรตามแบบล้านนา - ไทใหญ่
เป็นงานสำคัญของชาวไทใหญ่ เพื่อให้บุตรหลานได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และมีความเชื่อว่า ได้กุศลแรกกว่าการอุปสมบทพระภิกษุ การจัดงานจะมีสามวัน

วันที่ ๑
นำบรรดาเด็กชายมาเข้าพิธีโกนแต่ไม่โกนคิ้ว (พระพม่าไม่โกนคิ้ว) แต่งหน้าทาปาก สวมเสื้อผ้าอาภรณ์สวยงาม และโผกผ้าแบบพม่า ประดับด้วยมวยผมของบรรพบุรุษที่เก็บรักษาไว้ แล้วตกแต่งด้วยดอกไม้ เสร็จแล้วนำเด็กน้อยซึ่งตอนนี้เรียกว่า "ส่างลอย หรือ ลูกแก้ว" ไปขอขมา และรับศีลรับพรตามบ้านญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ

วันที่ ๒
มีการแห่ส่างลอง หรือ ลูกแก้ว กับขบวนเครื่องไทยทานไปตามถนนสายต่างๆ จะมีผู้มาร่วมขบวนมากมาย โดยให้ส่างลอง หรือ ลูกแก้ว ขี่ม้าหรือถ้าไม่มีม้าก็จะขี่คอคน ซึ่งเรียกว่า "พี่เลี้ยง" หรือ "ตะแปส่างลอง"

วันที่ ๓
จะแห่ส่างลองไปตามถนนอีกครั้ง จากนั้นก็ไปรวมกันที่วัดเพื่อทำพิธีบวชเป็นสามเณรที่วัด ตามคติความเชื่อของทางล้านนา - ไทใหญ่ มีความเชื่อว่าบวชเณรได้กุศลอันยิ่งใหญ่